วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กุ้งเครย์ฟิช สัตว์น้ำยอดฮิตชนิดใหม่ของวัยรุ่น

กุ้งเครย์ฟิช สัตว์น้ำยอดฮิต



กุ้งยอดฮิต เครย์ฟิช สัตว์น้ำชนิดใหม่ของวัยรุ่น (เทคโนโลยีชาวบ้าน)
โดย สิริพร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
คอลัมน์ สัตว์น้ำน่าเลี้ยง

           กุ้งเครย์ฟิช กลายเป็นแฟชั่นใหม่ของวัยรุ่นที่ชอบเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามไปซะแล้ว ด้วยความที่มีสีสันหลากหลายสวยงาม และเป็นสัตว์น้ำที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีรูปร่างบึกบึนน่าเกรงขาม เลี้ยงง่าย กินซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร ราคาเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ทำให้กลายเป็นที่นิยมกว้างขวางขึ้นในหมู่วัยรุ่น

           กุ้งเครย์ฟิช หรือกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด มีถิ่นกำเนิดทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออก และออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 500 สายพันธุ์ มักอาศัยอยู่ตามโขดหินหรือใต้ขอนไม้ตามหนองน้ำ หรือลำธาร

           คุณวิโรจน์ ไชยกิตติรุ่งโรจน์ อายุ 28 ปี ผู้ที่เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์กุ้งเครย์ฟิช กล่าวว่า ขณะนี้มีความนิยมเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชในหมู่วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาสวยงาม ที่กำลังมีความสนใจหันมาเลี้ยงกุ้งกันมากขึ้น เพราะมีความสวยงาม แปลกตา เลี้ยงง่าย ให้ความเพลิดเพลิน ไม่เป็นอันตรายกับผู้เลี้ยง

           "กุ้งเครย์ฟิช ได้รับความนิยมมาหลายเดือนแล้ว โดยมีผู้นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น มาเพาะขยายและจำหน่าย กุ้งเครย์ฟิชมีรูปร่างบึกบึนน่าเกรงขาม แต่ก็มีความคลาสสิค ซึ่งกุ้งแต่ละตัวจะมีสีสันที่โดดเด่นของตัวเอง หากมีการเลี้ยงดูและให้อาหารเป็นอย่างดี จะทำให้กุ้งขับสีในตัวออกมาชัดเจนสวยงามมากขึ้น" คุณวิโรจน์ กล่าว

           กุ้งเครย์ฟิช สามารถนำมาเลี้ยงในตู้ปลาได้ แต่หากเลี้ยงรวมกันหลายตัว ควรจะเลี้ยงในตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 24 นิ้ว เพราะกุ้งเครย์ฟิช มีนิสัยค่อนข้างก้าวร้าว และหวงถิ่นที่อยู่ เมื่อมีเนื้อที่กว้างจะทำให้กุ้งแต่ละตัวสามารถสร้างอาณาเขตของตนเองได้ หากนำมาเลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นจะพบว่า กุ้งเครย์ฟิช ขนาดเล็กมักถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกกุ้งเครย์ฟิชที่มีขนาดใหญ่กว่ากิน เป็นอาหารได้ นอกจากนี้ ควรใส่ขอนไม้ กระถางต้นไม้แตกๆ หรือท่อ พีวีซี ตัดเป็นท่อนๆ เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชได้หลบอาศัยในเวลากลางวัน เพราะปกติช่วงกลางวันเป็นเวลาที่มันจะอยู่เงียบๆ แต่จะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืนมากกว่า

           สำหรับการตกแต่งตู้เลี้ยง กุ้งเครย์ฟิชนั้น หากชอบให้ตู้โล่งก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ควรใส่ท่อพีวีซีลงไปด้วย เพื่อให้กุ้งได้ใช้ในการหลบซ่อนตัว แต่หากต้องการให้ตู้เลี้ยงมีความสวยงามก็สามารถใช้กรวดปูพื้นตู้ได้ แต่มักพบว่า กุ้งเครย์ฟิชมีนิสัยชอบขุดคุ้ยกรวดเพื่อสร้างเป็นที่กำบังในเวลากลางวัน จึงทำให้ไม่เป็นเหมือนครั้งแรกที่แต่งไว้ ทั้งนี้ จึงควรจะปูกรวดให้หนา ไม่ต่ำกว่า 5 เซนติเมตร เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชขุดกลบลำตัวได้ แต่ไม่ควรปูพื้นตู้ด้วยทราย เพราะมีความหนาแน่นสูง หากกุ้งเครย์ฟิชมุดลงไปแล้วอาจทำให้ขาดอากาศหายใจได้

           ผู้เลี้ยงไม่จำเป็นที่จะต้องติดตั้งปั๊มออกซิเจนในตู้เลี้ยงก็สามารถทำได้หากเลี้ยงจำนวนน้อย แต่หากต้องการจะติดตั้งเครื่องปั๊มออกซิเจนก็ปล่อยอากาศให้น้ำกระเพื่อมเบาๆ ก็พอ ส่วนระบบกรองน้ำ ควรใช้ชนิดกรองบน กรองแขวน หรืออาจจะใช้กรองฟองน้ำที่เป็นตุ้มก็เพียงพอ แต่ไม่ควรใช้ชนิดกรองใต้ตู้ เพราะกุ้งเครย์ฟิชมักจะขุดกรวดขึ้นมา

           อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการ เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช คือ ประมาณ 23-28 องศาเซลเซียส ค่าพีเอช ที่เหมาะสมคือ ประมาณ 7.5-10.5 แต่หากน้ำมีความกระด้างสูง ก็สามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้ เพื่อเป็นการปรับสภาพน้ำ นอกจากนี้ เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ แต่ทีละน้อย เพื่อป้องกันอุณหภูมิเปลี่ยนฉับพลัน และน้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด

           กุ้งเครย์ฟิช สามารถกินอาหารได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก เศษเนื้อสัตว์ หรือให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมก็ได้ เพื่อความสะดวก แต่ไม่ควรให้อาหารบ่อย 2-3 วัน ให้ครั้งหนึ่งก็พอ และควรให้น้อยๆ แต่พอดี เพื่อป้องกันการตกค้างของอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลต่อการเกิดโรคได้ และควรให้อาหารในเวลากลางคืน เพราะตามธรรมชาติ กุ้งเครย์ฟิชเป็นสัตว์ที่หาอาหารกินในเวลากลางคืน

           สำหรับการเพาะพันธุ์กุ้งเครย์ฟิชนั้นไม่ยาก เพราะสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี และสามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย เพียงนำกุ้งเครย์ฟิชตัวผู้กับตัวเมียมาปล่อยรวมกัน แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นตัวผู้กับตัวเมีย โดยสังเกตที่อวัยวะสืบพันธุ์ตรงช่วงขาเดิน กุ้งตัวผู้มีอวัยวะคล้ายตะขอบริเวณขาเดินคู่ที่สองและสาม ซึ่งตะขอนี้เอาไว้เกาะตัวเมียตอนผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียจะมีอวัยวะสืบพันธุ์เป็นแผ่นทรงวงรีบริเวณขาเดินคู่ที่ 3

           กุ้งเครย์ฟิช ใช้เวลาผสมพันธุ์นานกว่า 10 นาที หลังจากนั้นสามารถย้ายกุ้งตัวเมียไปยังตู้อนุบาลได้ เพื่อเป็นการเตรียมที่อยู่สำหรับลูกกุ้ง หลังจากนั้น ตัวเมียจะทยอยผลิตไข่ขึ้นมาไว้บริเวณขาว่ายน้ำเป็นกระจุก มองคล้ายพวงองุ่น หลังจากที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้วตัวเมียจะหาที่หลบซ่อนนอนนิ่งไม่ยอมกิน อะไร ระยะเวลาที่ตัวอ่อนใช้ในการพัฒนารูปร่างนั้นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ปริมาณอาหาร และคุณภาพน้ำด้วย โดยเฉลี่ยไข่จะพัฒนาจนเป็นตัวอ่อนเหมือนโตเต็มวัยภายใน 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้น ลูกกุ้งจะถูกปล่อยให้ว่ายน้ำเป็นอิสระ ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งแม่กุ้งสามารถให้กุ้งได้มากถึง 300 ตัว ซึ่งพ่อแม่กุ้งไม่มีพฤติกรรมกินลูกกุ้งเป็นอาหาร และลูกกุ้งก็จะอยู่ไม่ห่างพ่อแม่นัก เพื่อคอยเก็บเศษอาหารที่เหลือจากพ่อแม่กินเป็นอาหารนั่นเอง

           ตัวอ่อนของกุ้งเครย์ฟิช มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร โดยจะกินเศษอาหารก้นตู้เป็นหลัก สามารถให้ไส้เดือนฝอย ไรทะเล เป็นอาหารเสริมได้ แต่ควรระวังเรื่องคุณภาพน้ำด้วย อย่าปล่อยเศษอาหารเหลือทิ้งจนเน่าเสีย ซึ่งควรให้อาหารให้เพียงพอ เพราะตัวอ่อนจะมีพฤติกรรมกินกันเอง

           ตู้อนุบาลตัวอ่อนควรมีพื้นที่ และวัสดุหลบซ่อน โดยเฉพาะกระถางต้นไม้ เพราะในช่วงเดือนแรก ลูกกุ้งจะลอกคราบบ่อย ทำให้ลำตัวอ่อนนิ่ม และมีเปอร์เซ็นต์ถูกกินเป็นอาหารมากขึ้น เมื่อลูกกุ้งมีอายุประมาณ 1 เดือน จะเริ่มมีสีสันเหมือนตัวโตเต็มวัย

           การลอกคราบเป็นขั้นตอนที่สำคัญใน การเจริญเติบโตของกุ้งเครย์ฟิช เพราะแสดงถึงขนาดลำตัวที่โตมากขึ้น ซึ่งลูกกุ้งจะลอกคราบเดือนละครั้ง โดยมีระยะห่างในการลอกคราบแต่ละครั้งจะยาวนานขึ้นเมื่อกุ้งเจริญเติบโตขึ้น และเมื่อกุ้งเครย์ฟิชโตเต็มที่จะลอกคราบเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในการลอกคราบแต่ละครั้ง กุ้งเครย์ฟิชจะมีลำตัวนิ่มและอ่อนแอมาก จึงต้องหาที่ปลอดภัยสำหรับหลบซ่อนและค่อนข้างอยู่นิ่งๆ ประมาณ 2-3 วัน จนกว่าเปลือกจะแข็งเป็นปกติ

           อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่ากุ้งเครย์ฟิชกำลังลอกคราบ ไม่ควรรบกวน เพราะอาจทำลายความต่อเนื่องของกระบวนการลอกคราบได้ หากกุ้งเครย์ฟิชตกใจอาจทำให้การลอกคราบไม่สมบูรณ์เต็มที่ โดยชิ้นส่วนของเปลือกชุดเก่ายังติดอยู่บริเวณก้าม ในขณะที่เปลือกชุดใหม่เริ่มแข็งตัว อาจทำให้เกิดความผิดปกติได้ อาทิ มีเปลือกสองชั้นทับกัน หรือก้ามบิดเบี้ยวผิดรูปได้

           "ไม่ควรเลี้ยง กุ้งเครย์ฟิช ที่มีถิ่นกำเนิดต่างกันไว้ด้วยกัน เพราะพันธุ์ที่มีนิสัยก้าวร้าว จะจับพันธุ์ที่มีนิสัยเรียบร้อยกว่ากินเป็นอาหาร รวมทั้งควรเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชที่มีขนาดเท่าๆ กัน หรือใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน" คุณวิโรจน์ กล่าว

พร้อมกันนี้ คุณวิโรจน์ ยังบอกอีกว่า ไม่ควรเลี้ยง กุ้งเครย์ฟิช รวมกับปลาสวยงามที่อาศัยบริเวณก้นตู้ แต่สามารถเลี้ยงรวมกับปลาสวยงามขนาดกลางที่ว่ายบริเวณกลางน้ำหรือผิวน้ำได้ เป็นอย่างดี และต้องมีนิสัยไม่ดุร้าย มิฉะนั้น กุ้งเครย์ฟิช อาจกลายเป็นอาหารปลาได้

           กุ้งเครย์ฟิช ที่วัยรุ่นนิยมเลี้ยงคือ กุ้งเครย์ฟิช สโนไวท์ จะเป็นกุ้งสีขาว บลูสปอร์ตเป็นสีฟ้า ไบรต์ออเรนจ์สีส้ม และอะเรนนี่สีน้ำเงิน ราคาที่จำหน่ายในท้องตลาดมีตั้งแต่ 300-2,000 บาท ต่อตัว แต่หากซื้อไปเลี้ยงเป็นคู่ โดยเฉพาะกุ้งเครย์ฟิชสีน้ำเงินหรืออะเรนนี่ จำหน่ายคู่ละ 3,500บาท เพราะสีน้ำเงินเป็นสีที่นิยมและหายากในขณะนี้

           สำหรับผู้อ่านที่สนใจเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช สามารถหาซื้อได้ตามตลาดสัตว์น้ำทั่วไป เมื่อต้องการเลือกซื้อมาเลี้ยงต้องดูความแข็งแรงของตัวกุ้งด้วย หากเห็นว่ากุ้งนั้นไม่ปราดเปรียวหรือเชื่องช้า ก็อย่าเลือกซื้อมาเลี้ยง เพราะเป็นกุ้งที่ไม่แข็งแรง ถ้านำมาเลี้ยง อยู่ได้ไม่นานก็อาจตายได้ ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อกุ้งตัวที่มีสีเข้มทั้งตัว ไม่มีอาการเซื่องซึม ก้ามทั้ง 2 ข้าง ต้องเท่ากัน มีขาครบทุกข้าง และที่สำคัญอย่าลืมให้ความรัก ความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

อ้างอิง  http://pet.kapook.com/view1517.html



วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554




วิธีการเพาะพันธุ์ปลาหมอสี - การเตรียม เพาะพันธ์ปลาหมอสี

 

วิธีการเพาะพันธุ์ปลาหมอสี - การเตรียม เพาะพันธ์ปลาหมอสี
จัดเตรียมหา ปลาหมอสี ตัวเมีย และ ปลาหมอสี ตัวผู้ ที่ สวยเด่น ตามที่เราต้องการ ประมาณในรูป อัตราความคล้ายที่จะได้ ลูกปลาหมอสี จากการเพาะ ออกมา ได้ อัตราส่วน คล้ายตัวเมีย 75% โดยประมาณ นอกจากนั้น เป็นของ ปลาหมอสี ตัวผู้
จัดอุปกรณ์ต่างๆ ที่เตรียมไว้ รวมทั้ง ใส่ตะข่าย ที่กั้นแบ่งครึ่งตู้ เติมน้ำ ใส่เกลือ 1 กำมือ แล้วก็ใส่ ยามาลาไคท์ เพื่อป้องกันโรค ในตู้ควรมี หัวฟู่ 1 อัน (ใช้ก้อนกลม) + ระบบ กรองฟองน้ำเพื่อดักฝุ่นละออง ขี้ปลาต่างๆ ให้วางกระถางสำหรับปลาวางไข่ ไว้ตรงมุมตู้ นอกจากนี้ ให้นำกระดาษมา ปิดด้านนอก ของกระจก ในบริเวณ ดังกล่าว เพื่อกันปลาตกใจ ฮีทเตอร์ นั้นจริงๆ แล้วไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกัน ลูกปลา ล้มตาย เพราะอุณหภูมิเปลี่ยน โดยส่วนตัวนั้นผมจะตั้งไว้ที่ 28 องศาครับ เมื่อถึงขั้นตอน จับปลาใส่ตู้ ให้ตัวเมียอยู่ด้านที่เราวาง กระถาง นอกจากนี้ ควรสังเกต ว่าตัวเมียขุดรังตรงไหนด้วย หากขุดที่อื่นนอกกระถาง ก็ให้ย้ายกระถางไปตรงบริเวณนั้น ในช่วงนี้ตัวผู้จะคึกมาก จะว่ายไปทั่วแล้วก็จะมีอาการส่ายหัวไปมา จะลองยกที่กั้นออกตั้งแต่วันแรกเลยก็ได้ แต่ต้องนั่งดูไปเรื่อยๆ ถ้าทั้งสองตัวช่วยกันใช้ปากขุดรัง แล้วก็ยังไม่กัดกัน นั้นก็แสดงว่าเข้าคู่กันแล้วครับ ปล่อยไว้ได้เลย ในระหว่างเพาะพันธุ์ การให้อาหารนั้นควรให้แต่น้อย พยายามอย่าให้เหลือในช่วงนี้ อย่าให้น้ำขุ่น ไม่ควรให้กุ้งฝอย เป็นๆ เพราะบางครั้ง กุ้งนั้นรอด และอาจจะไปทำอันตรายไข่ได้ครับ ควรให้อาหารเม็ดหรืออย่างอื่นจะดีกว่า นอกจากนี้ ผมชอบให้ หนอนแดง มีพี่เขาบอกมาว่า เป็นการบำรุงเชื้อตัวผู้ครับ ทำให้ฉีดเชื้อดี เมื่อปลาไข่ ระหว่าง การเพาะพันธุ์ ถ้าหากปลายังไม่ไข่ สามารถเปลี่ยนน้ำได้ครับ
วิธีดู และ สังเกต ไข่ปลาหมอสี ว่าติดไม่ติด เมื่อ ปลาหมอสี วางไข่ แล้ว ควรปล่อยให้ ปลาหมอสี ทั้งคู่ อยู่ด้วยกัน สัก 24 ชม. ก่อน แล้วค่อยแยกตัวผู้ออก เวลาแยก ต้องทำอย่างค่อย อย่ากวนน้ำ อย่าให้ปลาตื่น โดยปกติแล้วตัวเมีย จะดูแลไข่ แต่บางตัวก็กินไข่ จะแยกหรือไม่แยกก็แล้วแต่ครับ โดยปกติ แล้ว ไข่ปลาจะฟักเป็นตัวภายใน 3 วัน ในวันที่ ไข่ปลาหมอสี เริ่มเป็นจุดดำ หรือเป็นเม็ดสาคู ส่วนมากนิยม แยกปลาตัวเมียออก แล้ว ใช้หัวฟู่มาวางใกล้ๆ แทน เมื่อ ลูกปลาหมอสีฟักออก จากไข่นั้น ยังไม่สามารถว่ายน้ำได้ ก็จะนอนดิ้นอยู่ในกระถาง หรือ พื้นตู้ บางครั้งจะมีไข่ที่ฝ่อ ถ้ามากก็ให้ยกกระถางออก แล้วก็ใช้มือพัดน้ำ ค่อยๆ นะ ให้ลูกปลาที่อยู่ในกระถางหลุดออกไป แต่ถ้ามีน้อยจะปล่อยไว้ก็ได้ครับ และเมื่อได้ 3-4 วัน ลูกปลาจะเริ่มบิน (ว่ายน้ำ) ยังไม่ต้องให้อาหารครับ ลูกปลาในระยะนี้ จะมีถุงไข่อยู่จะให้ก็เมื่อถุงไข่หมดไปแล้ว คือ ประมาณหลังจากปลาว่ายน้ำได้ 3 วันโดยประมาณ
อาหารลูกปลาสาหร่าย Spirulina ชนิดผง หาซื้อได้ที่สวน จตุจักร หรือ ร้านปลาสวยงาม ทั่วไป มีเป็นกระปุก ราคาไม่เกิน 50 บาท และมี ที่ขายเป็นขีด ขีดละ 120 บาท ใส่ให้ลูกปลากินแต่ต้องระวังอย่าให้มากเกิน ให้แต่น้อย อาหารสำหรับ ลูกปลาหมอสี พึ่งเกิด จะเป็นผงๆ ครับ ห่อเล็กๆ ไม่เกิน 30 บาท เต้าหู้ไข่ไก่ หั่น บางๆ ใส่ให้ ลูกปลาหมอสี กิน (ผมนิยมอันนี้มาก เพราะจากที่สังเกต มาลูกปลาชอบกิน) ไข่ไก่ต้ม ใช้แต่ไข่แดง ไรแดง ควรกรองก่อนให้นะครับโดยการใช้กระชอนตาถี่ ร่อนให้แต่ตัวเล็ก หลุดลงตู้ ให้อย่างนี้สัก 3-4 วันก็ให้ตามปกติได้เลย ( อันนี้ก็ดีมากครับ ลูกปลาจะโตไว ถ้าหากไม่ขาดให้เป็นอย่างเดียว จะดีมากหากมีเวลาไปซื้อ ) เมื่อลูกปลาได้อายุประมาณ 10 วัน หรือ เริ่มตัวโตมีปากที่ใหญ่ขึ้น ก็ให้กินไส้เดือนได้ โดยใส่ไส้เดือนไว้ในกรวยแปะไว้ข้างตู้ ใส่ไว้ให้เต็มกรวย ไส้เดือนนั้นสามารถให้ได้ถึงโต และพวกลูกปลาจะชอบกินมาก ในช่วงนี้พยายามอย่าให้ลูกปลาขาดอาหาร เพราะปลาในช่วงนี้ถ้าอาหารถึงลูกปลาจะโตไวมากครับ เรื่องของน้ำในช่วงนี้ ผมลืมบอกไปว่า เมื่อนำตัวเมียออกแล้วให้ลดน้ำสัก 30% น้ำ ในช่วงนี้ก็จะได้กรองฟองน้ำ คอยกรองน้ำอยู่ และเมื่อลูกปลาเริ่มโตขึ้น ก็ให้ค่อยๆ เพิ่มระดับ น้ำ ให้สูงขึ้น ตามความเหมาะสม ในช่วงนี้ไม่ควรเปลี่ยนน้ำ ถ้าหากน้ำเริ่มขุ่นๆ ให้หยิบกรองฟองน้ำขึ้นมาทำความสะอาด แล้วก็ใส่กลับลงไป เมื่อลูกปลาได้ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ก็สามารถเริ่ม เปลี่ยนถ่ายน้ำได้ครับ แต่ไม่ควรเปลี่ยนทีเดียว หมดตู้ ลูกปลาจะน็อคน้ำให้เปลี่ยนทีละ 30% หรือ ครึ่งตู้ แล้วก็ใส่มาลาไคท์ สัก 3-4 หยด ตู้ทำปลานั้นไม่ควรที่จะมีทรายหิน อยู่ในตู้เพราะช่วงที่ปลาออกจากไข่นั้น ลูกปลาจะมุดพื้นครับ ถ้ามีหินกรวดอยู่ในตู้อาจทำให้ลูกปลาตาย และถ้าลูกปลาโตขึ้น หากมีจำนวนมากแน่นเกินไป ก็ควรที่จะ หาตู้ใส่ลูกปลาเพิ่มนะครับ เนื่องจากหากมีจำนวนมาก จะทำให้การแย่งอาหารกันและการโตจะไม่เท่ากัน กับปัญหาเรื่องน้ำขุ่นมาก ก็ประมาณนี้ครับ เป็นวิธีที่ผมคิดว่าคงจะไม่ยากนะ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สูตรตายตัว สามารถนำไปปรับ แต่ตามความเหมาะสมได้ครับ และก็ขออภัย เพื่อนๆ พี่ๆ มา ณ ที่นี้ด้วยหากผมผิดพลาดประการใดนะครับ




หลักทั่วไปใน การเลี้ยง ปลาหมอสี

1. น้ำต้องสะอาดไม่ควรมีเชื้อโรค ห้ามใช้น้ำประปาที่เปิดจากก๊อกน้ำโดยตรง เฉพาะคลอรีนและปูนที่อยู่ในน้ำจะฆ่าปลาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ควรพักน้ำประปา ไว้สัก 2-3 วันจึงนำมาใช้
2. ใช้เครื่องกรองน้ำ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านทั่วไปเลือกให้เหมาะกับขนาดของตู้
3. ขนาดของตู้เลี้ยงควรจะใหญ่สักหน่อย ถ้าเลี้ยงพวกหมอสีพันธุ์เล็ก ความยาวของตู้ไม่ควรต่ำกว่า 24 นิ้ว ถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ก็ไม่ควรต่ำกว่า 36 นิ้ว ควรมีสัก 2 ตู้ เพื่อเป็นตู้พักปลา 1 ตู้ ตู้เลี้ยง 1 ตู้
4. อาหารปลาหมอสีกินอาหารสำเร็จรูปได้ดี ซึ่งเราหาซื้อได้ทั่วไป แต่ถ้าที่บ้านใกล้แหล่งเพาะยุงหรือใกล้บริเวณที่มี ลูกน้ำลูกไรมาก และหาได้สะดวกก็ให้ลูกน้ำ ลูกไร เป็นอาหารจะดีมากทั้งประหยัดเงินและมีอาหารที่มีคุณค่าดี
5. ก้อนหิน ก้อนกรวด พันธุ์ไม้น้ำที่เราคิดว่าจะจัดลงไปในตู้นั้นควรจะทำความสะอาดให้ดี ก้อนหินก็ควรจะแช่น้ำลดความเป็นด่างลงพันธุ์ไม้ น้ำก็ควรจะพักไว้ในถัง หรือ ตู้อื่นๆ รอจนมันฟื้นตัวได้แล้วค่อยนำมาจัดในตู้
6. ตู้ปลาควรจะตั้งอยู่ใกล้กับที่พักน้ำ เพื่อเปลี่ยนน้ำในตู้ปลาได้สะดวก ปัญหานี้ดูเหมือนเล็กแต่ก็มีหลายๆรายที่เลิกเลี้ยงปลา เพราะต้องเปลี่ยนน้ำในตู้ปลาบางรายถึงขั้นทะเลาะกันเพราะเกี่ยงกันเปลี่ยน น้ำตู้ปลา บางรายถูกคำสั่งห้ามเลี้ยงหลังจากการเปลี่ยนน้ำตู้ปลาผ่านไปไม่ถึงครึ่ง ชั่วโมง เพราะขณะเปลี่ยนน้ำตู้ปลาบริเวณระหว่างที่พักน้ำกับตู้ปลาจะกลายเป็นเขต อันตรายสูงสุดต่อชีวิตของคนแก่และเด็ก รวมทั้งสตรีมีครรภ์ไปในทันที การลื่นหกล้มในบริเวณนี้จะเกิดขึ้นบ่อยมาก
7. เวลา ถ้าคุณต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าครึ่งและกลับถึงบ้านประมาณไม่ถึงสี่ทุ่มดี ในวันปกติ วันเสาร์ต้องตื่นสิบโมงเช้าเพื่อนอนชดเชยพอตื่นก็ต้องทำงานบ้านจิปาถะที่ ค้างตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ แล้วก็ขอแนะนำว่าไปปลูกต้นไม้ดีกว่าเพราะปลาที่คุณเลี้ยงไว้นั้นมันพากันตาย หมดแล้ว ก่อนเลี้ยงปลาต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลาไหม และคนรอบข้างจะยินดีไหมที่คุณจะเลี้ยงปลา เพราะคนรอบข้างนั้นก็คือคนงานของคุณขณะเปลี่ยนน้ำตู้ปลา ถ้าเกิด คนงานสไตรท์ขณะเปลี่ยนน้ำไปได้ครึ่งเดียว ภาระทั้งหมดก็จะอยู่ที่คุณคนเดียวจริงๆ

ความรู้เกี่ยวกับปลาหมอสี

 

ปลาหมอสี เป็นปลาที่กำลังเป็นที่นิยมของนักเลี้ยงปลาบ้านเรา แรกทีเดียวก่อนที่จะเข้ามาสู่ตลาดเอเชียนั้น ได้รับความสนใจและนิยมเลี้ยงกันในแถบอเมริกา ยุโรปกันก่อนแล้ว เพราะเป็นปลาตู้ที่เลี้ยงง่าย มีสีสันโดดเด่น สวยงาม และแปลกตาของนักเลี้ยงปลาสวยงาม

แหล่งกำเนิด ปลาหมอสี

ปลาหมอสี มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ตามลุ่มน้ำหรือทะเลสาบในต่างประเทศ มีนิสัยค่อนข้างรักถิ่นฐาน หากมีปลาอื่นบุกรุกเข้ามาในเขตของมัน มันก็จะขับไล่ผู้บุกรุกออกไป
อาหาร ปลาหมอสี
ปลาหมอสีสามารถปรับตัวได้ดีกินอาหารได้ทุกประเภท แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมไขมันจากเนื้อสัตว์ เพราะไขมันจะไปทำลายตับของปลาเหล่านี้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลาที่เลี้ยงตาย ฉะนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงปลาหมอสี ควรมีส่วนผสมที่ใกล้เคียงกับอาหารธรรมชาติมากที่สุด ปลาหมอสีกินพืช ควรเลี้ยงอาหารปลากินพืช พวกปลากินสัตว์ เช่น กุ้ง ไรน้ำเค็ม หรืออาหารสำเร็จรูปที่ใช้เลี้ยง กับอาหารสำเร็จรูปที่ใช้โดยทั่วไปควรมีส่วน ประกอบของกากถั่ว กุ้ง สาหร่ายเกลียวทอง ปริมาณอาหารไม่ควรให้เกินความต้องการของปลา จะทำให้ปลาอ้วนและอ่อนแอ ในกรณีเลี้ยงเพื่อการเพาะพันธุ์ ถ้าให้อาหารมากเกินไปจะทำให้ปลาไม่มีไข่และน้ำเชื้อ
ธรรมชาติของปลาหมอสี เป็นปลาที่อดทน สามารถอดอาหารนับสิบวัน หากท่านไม่อยู่บ้าน 5 – 10 วัน ปลาก็สามารถอยู่ได้อย่างปกติ แม้ว่าในแหล่งน้ำธรรมชาติมีอาหารจำกัด โดยเฉพาะแม่ปลาที่ฟักไข่ด้วยปาก ต้องอมไข่จนไข่ฟักเป็นตัว และอมต่อไปจนกระทั่งลูกปลาสามารถว่ายน้ำออกจากปาก เพื่อหากินอาหารต่อไป ซึ่งใช้เวลาอีก 15-20 วัน ในระยะนี้แม่ปลาจะไม่กินอาหารใดๆ ทั้งสิ้น